(รีวิว) เกิดใหม่ทั้งทีก็เป็นสไลม์ไปซะแล้ว เดอะมูฟวี่ อีกหนึ่งภาพยนตร์ที่แฟนๆ ริมุรุห้ามพลาด

 




เกิดใหม่ทั้งทีได้กลายเป็นสไลม์ เป็นอีกหนึ่งผลงานอนิเมะแนวต่างโลกที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก ไม่ใช่แค่เนื้อหาที่สนุกแต่ด้วยภาพลักษณ์และเรื่องราวที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย ความสำเร็จของเรื่องนี้ได้ต่อยอดออกมาทั้งในรูปแบบมังงะ อนิเมะ รวมไปถึงเกมมือถือมาให้เล่นถึงสองเวอร์ชั่น และล่าสุดก็ได้มีการออกเวอร์ชั่นภาพยนตร์มูฟวี่มาให้แฟนๆ ได้ชมกันในระหว่างที่รอซีซั่นที่ 3 อีกด้วย (ซีซั่นที่ 3 ประกาศแล้วว่าจะฉายปี 2024 ช่วงราวเดือนเมษายน) ทำให้แฟนๆ สามารถมารับชมมูฟวี่กันก่อนที่จะได้รอชมซีซั่นที่ 3 กันก่อนได้



สำหรับตัวภาพยนตร์นั้นจะมีเหตุการณ์ต่อจากซีซั่นที่ 2 แต่จะไม่ได้เชื่อมโยงกับซีซั่น 3 โดยตรงเพราะเป็นเนื้อเรื่องพิเศษแยกออกมาสำหรับเป็นเวอร์ชั่นภาพยนตร์โดยเฉพาะ เล่าเรื่องราวของ อิฮิโระ คนในเผ่าโอเกอร์ คนที่โอนิมารุนับถือเป็นพี่ชายที่รอดชีวิตจากการถูกลอบสังหารโดยเจ้าหญิงโทวะ จากประเทศเล็กๆ ที่มีชื่อว่าราจะที่ได้ยอมเสี่ยงชีวิตมอบชื่อให้กับอิฮิโระจนรอดชีวิตมาได้ และเพราะการได้พบกันของริมุรุกับอิฮิโระ ทำให้พวกของริมุรุได้เข้าไปเยือนในประเทศราจะ จนทำให้เข้าไปพัวพันกับประเทศดังกล่าว ที่ทุกคนพร้อมจะช่วยเหลืออิฮิโระในฐานะผู้รอดชีวิตจากเผ่าโอเกอร์อีกคนหนึ่งด้วย



ตัวเรื่องราวนั้นแม้ว่าจะมีการสานต่อจากซีซั่นที่ 2 แต่ก็ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องหลัก (เพราะเป็นเนื้อเรื่องพิเศษ) ว่าตามตรงคือถึงคนเล่นไม่ชมภาพยนต์ตัวนี้ก็ไม่มีผลใดๆ กับการชมซีซั่น 3 แต่ขณะเดียวกัน ก็เป็นภาพยนตร์ที่ไม่มีการเล่าเรื่องราวใดๆ ให้กับคนที่ยังไม่เคยดู ดังนั้น คนไหนที่อยากจะชมภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ควรจะอ่านฉบับมังงะหรือชมอนิเมะซีซั่นที่ 2 มาก่อน


ตัวเรื่องเล่าเรื่องในช่วงต้นที่เรียบง่าย เข้าเรื่องไว (เพราะเวลามีน้อย) และเน้นเรื่องราวไปกับเหล่าตัวละครเผ่าโอเกอร์ ที่เป็นกลุ่มคนแรกๆ ที่ริมุรุได้ช่วยและมอบชื่อเอาไว้ (การมอบชื่อให้นั้นตามหลักผู้ที่มอบชื่อจะต้องมีพลังเวทแต่จะเสี่ยงชีวิตในการมอบชื่อ ซึ่งจะทำให้ผู้รับได้รับพลังใหม่ตามพลังที่ผู้มอบชื่อได้มีให้) แม้ในช่วงต้นเรื่องจะมีงานภาพไม่ได้แตกต่างจากงานภาพฉบับซีรีส์ แต่ในช่วงกลางเรื่องเป็นต้นไปงานภาพจะละเอียดมากขึ้น ดุดันมากขึ้น และลื่นไหลมากขึ้น จนเหมาะในการชมบนภาพยนตร์อย่างยิ่ง


คนไหนที่อาจจะรู้สึกว่าในฉบับซีรีส์ฉากสู้นานไปหรือมีการคุยนานไป คุณจะไม่ได้เจอในฉบับมูฟวี่ (เพราะอย่างว่า เวลาฉายมีน้อยกว่าในซีรีส์) ทำให้เข้าเรื่องได้ไวและเน้นโฟกัสที่กลุ่มตัวละครหลักไม่กี่คนเพื่อให้เรื่องดำเนินได้ง่ายขึ้น รวมไปถึงปมของเรื่องเฉลยและจบลงในเรื่องเดียว ไม่ต้องห่วงว่าดูจบแล้วจะอารมณ์ค้างเพราะครบถ้วนสมบูรณ์เลยทีเดียว


แม้ว่าในด้านพล็อตเรื่องจะไม่ได้ซับซ้อนอะไร ออกแนวเรียบง่ายเสียด้วยซ้ำ ทำให้เป็นเรื่องที่เน้นทำเอาใจแฟนๆ เป็นหลัก หากคนไหนคุ้นชินกับการเสพเรื่องราวจากในเกมที่เป็นแนวอีเวนท์อยู่แล้ว ก็จะเดาได้ไม่ยากว่าพล็อตเรื่องและแนวทางของเรื่องจะออกมาอย่างไร แต่ทั้งนี้ แม้เนื้อเรื่องจะเล่าแบบเรียบง่าย แต่ความสนุกคือการเล่าเรื่องแบบลื่นไหล และได้เห็นมุมมองของตัวละครหลายๆมุม หากคนดูทำความเข้าใจกับเรื่องราวของตัวละครแต่ละคนก็จะสนุกไปกับการชมได้ เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่อนิเมะซีรีส์นี้นำเสนอคือ การให้ความสำคัญกับทุกๆ ตัวละครหลัก ไม่ใช่เน้นไปที่คนใดคนหนึ่งเป็นพิเศษ


อนึ่ง สิ่งที่จะทำให้แฟนๆ ได้รับมากกว่าการนั่งชมบนจอโทรทัศน์หรือมือถือก็คืองานภาพและเสียง โดยเฉพาะระบบเสียงทำออกมาได้อลังการมากในระดับที่ว่าหากไม่มีลำโพงราคาเหยียบแสน จะไม่มีทางสัมผัสได้ถึงความอลังการของเสียงได้แน่ๆ พูดง่ายๆ คือเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่คนเล่นจะสามารถสนุกได้จากการชมบนจอใหญ่ในโรงภาพยนตร์เท่านั้น


กล่าวได้ว่าสำหรับแฟนๆ อนิเมะเรื่องนี้แล้ว นี่ก็เป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ที่ควรค่าในการไปชม (โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องรออีกราวหนึ่งปีกว่าจะได้ชมซีซั่นสาม) แต่สำหรับคนที่ไม่เคยชมเรื่องนี้มาก่อน แม้เรื่องจะเข้าใจได้ง่ายแต่ก็จะมีหลายจุดที่งงแน่นอน ดังนั้นจึงควรชมตัวซีรีส์มาก่อนจะดีกว่า และในภาพยนตร์เรื่องนี้จะ "ปรากฎตัวละครใหม่" ที่อาจจะมีบทบาทในเรื่องราวหลักอีกด้วย จับตาดูให้ดีๆ


สำหรับภาพยนตร์เรื่อง เกิดใหม่ทั้งทีก็เป็นสไลม์ไปซะแล้ว เดอะมูฟวี่ ได้ฉายแล้ววันนี้บนโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ






ไม่มีความคิดเห็น