(Review) XPG Precog Virtual 7.1 หูฟังเกมมิ่งครบทุกอารมณ์ในราคาคุ้มค่า

 

ช่วงที่หลายคนต้องกักตัวอยู่กับบ้านแบบนี้เองต่างก็ต้องการที่จะอยากได้หูฟังดีๆ คุณภาพเน้นๆ แต่หูฟังจำพวกที่มีความสามารถสูงๆ ก็มักที่จะมีราคาที่สูงเกินเอื้อม โดยในบทความนี้เราจะมีการรีวิวหูฟังเกมมิ่งที่ใช้งานได้ทั้่งเล่นเกมและทำงาน โดยราคาสมเหตุสมผลและคุ้มค่าแน่นอน มาดูกันเลย


XPG Precog Virtual 7.1 Gaming Headset
สเปคของหูฟัง

- ไดรเวอร์คู่แบบ Electrostatic and Dynamic
- ระบบเสียง Virtual 7.1 Surround Sound
- รองรับเสียงคุณภาพสูง Hi-Res Audio
- ปรับเสียงได้ 3 โหมดคือ โหมดเพลง / โหมด 7.1 เสมือน / โหมด FPS
- การตอบสนองความถี่: 5 Hz – 50,000 Hz
- ความต้านทาน: 32Ω± 15%
- ความไวแสง: 102 ± 3dB / mW @ 1KHz
ไมค์มีระบบตัดเสียงรบกวนรอบข้าง ENC

หน้าตาโดยรวม

สำหรับหูฟังตัวนี้จะเป็นหูฟังแบบมีสาย ไม่ได้มีแบตเตอร์รี่ในตัวและสามารถทำงานได้ถึง 2 รูปแบบ 3 โหมด รูปแบบแรกก็คือใช้สาย 3.5 เสียบ และอีกแบบคือใช้สาย TYPE-C เสียบ ทั้งสองโหมดนี้แม้ว่าจะให้คุณภาพเสียงที่ใกล้เคียงกัน แต่จะได้ความสามารถที่แตกต่างกัน

ดีไซน์และการสวมใส่

มาดูดีไซน์กันก่อน โดยดีไซน์ของหูฟังตัวนี้่จะออกแบบมาเหมือนกับหูฟังเกมมิ่ง ตัวฟองน้ำนั้นถูกออกแบบมาให้กลบหูมิด แต่จะออกแบบมาสำหรับคนที่มีขนาดศีรษะไม่ใหญ่มากนัก จะใส่ได้แบบพอดี ดังนั้นผู้ใหญ่ก็ใส่ได้ แถมยังกลบหูมิดระดับที่สามารถปิดกั้นโลกภายนอกได้เต็มที่

ด้านบนนั้นจะมีที่รองศีรษะให้สามารถใส่ได้เป็นเวลานานและไม่กดน้ำหนัก และวัสดุที่ทนทานแต่มีน้ำหนักที่ไม่ใหญ่นัก จีงสามารถสวมใส่ได้ทั้งวัน แต่ส่วนบนหัวนั้นจะเปิดเอาไว้ ทำให้มีอากาศถ่ายเทและไม่ทำให้หัวรู้สึกอึดอัด

อย่างไรก็ตาม เพราะตรงก้านนั้นจะไม่สามารถปรับตำแหน่งได้ เลยทำให้จะเป็นการล็อคขนาดเอาไว้ และเพราะตรงหูนั้นครอบมิด จึงทำให้ไม่เหมาะในการเอาไปใส่ในที่อากาศร้อนหรือออกไปข้างนอกซักเท่าไหร่โดยเฉพาะคนที่เหงื่อออกง่าย เหมาะใส่ในบ้านเสียมากกว่า

อุปกรณ์ที่ให้มา

หูฟังตัวนี้จะมีอุปกรณ์ให้มาทั้งกระเป๋าใส่อย่างหรูและกันกระแทกได้ระดับหนึ่ง โดยสามารถใส่หูฟังตัวอื่นที่มีขนาดใกล้เคียงลงไปได้ นอกจากคู่มือและใบรับประกันแล้ว จะมีสายเชื่อมต่อมาให้ทั้งแบบ TYPE-C, 3.5 และแบบสายแยกไมค์โครโฟนกับหูฟัง เรียกได้ว่าตัวเดียวจบ สายจะสั้นก็มีสายต่อมาให้ แถมเป็นสายถักอย่างดี ไม่ต้องเสียเงินซื้ออะไรเพิ่มอีก

การใช้งานแบบ 3.5

เราได้มีการทดลองใช้งานทั้งในแบบ 3.5 และแบบเสียบ TYPE-C โดยเราจะเริ่มจาก 3.5 ก่อน ซึ้่งสายแบบ 3.5 นั้นจะสามารถเสียบได้กับอุปกรณ์ได้ทุกแบบ แต่ในทีนี้เราจะเสียบใช้กับมือถือซึ่งมีช่องเสียบ 3.5

จากการทดลองนั้นก็พบได้ว่าตัวหูฟังนั้นถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มคุณภาพเสียงที่ดีอยู่แล้วให้ดีขึ้น โดยในความรู้สึกให้ดีขึ้นมา 1.5 แต่จะแยกเสียงได้ดีขึ้่นหากเอาไปใช้ในการดูหนังหรือเล่นเกมที่มีการแยกเสียงที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างเช่นเกมที่ทดลองนั้นก็มี Bullet Angel ที่เป็นเกม Shooting เสียงสเตอริโอ น้ำหนักของเสียงจะเด่นชัดขึ้นแต่จะยังแยกเสียงแบบต่างระดับขึ้้นลงได้ไม่ต่างจากฟังออกลำโพงมากนัก ส่วนอีกเกมที่ลองก็คือ Uma Musume Pretty Derby ที่มีการแยกเสียงออกมาได้ชัดเจนยิ่งขึ้นโดยเฉพาะตอนฉากวิ่งแข่งและคอนเสิร์ต

ทางด้านการเอาไปดูหนังนั้น ไม่ว่าจะดูจาก Netflix หรือจากไฟล์วีดีโอในเครื่องก็พบว่าให้ผลลัพธ์ไม่ได้แตกต่างกันเท่าไหร่ คือมีการขับเสียงออกมาดีขึ้่นแต่ก็ไม่ได้ระดับแยกเสียงออกมาได้แบบเชิงลึก ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะตัวหูฟังแบบเสียบ 3.5 จะไม่ได้มีไดรฟ์เสียงมาให้ แต่ทั้งนี้ด้านคุณภาพของเสียงนั้นถือว่าอยู่ในระดับที่ดีมากอยู่ เพราะนอกตจากจะขับเสียงออกมาได้และดังขึ้นแล้ว ยังแยกเสียงพูดกับเสียงฉากหลังได้ชัดมากขึ้นดว้ย

ทีนี้พอลองะเอามาทดลองต่อกับโน๊ตบุ๊คดู ก็พบว่าความสามารถของหูฟังก็เพิ่มมาอีกขึ้น โดยได้มีการเล่นเสียงให้ออกมาดีขึ้่น ขับเสียงออกมาได้นุ่มนวลมากขึ้น ทำให้รู้สึกได้ว่าไม่หนักไป ไม่เบาไป ทำให้รู้สึกบาลานซ์ และสามารถใส่ดูหนัง ฟังเพลงได้

การใช้งานแบบ USB TYPE-C

จริงๆ แล้วไฮไลท์ของหูฟังตัวนี้จะอยู่ที่ตรงนี้ คือการเชื่อมต่อแบบ TYPE-C เพราะจะมีไดรฟ์เสียงติดมาให้โดยที่แม้หากคอมที่ใช้งานไม่ได้มีไดรฟ์เวอร์เสียง ตัวหูฟังตัวนี้ก็จะทำหน้าที่แปลงให้เลย

จากการทดลองทั้งสามโหมด ได้แก่ เพลง, 7.1 และแบบ FPS นั้น พบว่าทั้งสามโหมดจะขับเสียงออกมาต่างกัน แบบเพลงนั้นจะขับเสียงออกมาดีกว่าแบบ 3.5 นิดนึง แต่ก็ยังรักษาบาลานซ์ของเสียงเอาไว้ได้ดี อาจกล่าวได้ว่า ไม่ได้ต่างจากตอนเสียบ 3.5 มากนักแต่ก็ทำให้คุณภาพเสียงที่ออกมาดีขึ้น

ในส่วนของโหมด 7.1 นั้นจะเหมือนเปิดโลกใหม่ เพราะจะแปลงเสียงของหนังและในเกมออกมาได้ดีขึ้นและทำให้เสียงนั้นทำออกมามีการแบ่งระยะ ใกล้-ไกล-บน-ล่าง ระดับที่ว่าสามารถทำให้คนใส่เหมือนไปอยู่ในโลกของเกมหรือหนังแบบไม่รู้ตัวได้เพราะเสียงจะมาแนียนมาก ข้อดีของตัวนี้่ก็คือเสียงจะไม่หนักไป แต่ข้อเสียคืออาจจะไม่ชอบสำหรับคนที่ชอบอะไรหนัก

และในส่วนของสาย Shooting นั้นพอเปิดโหมด FPS แล้ว จะมีการลดเสียงเบสของหูฟังลง และเปิดให้ได้ยินเสียงสภาพแวดล้อมให้ได้ชัดขึ้น จึงทำให้สามารถแยกแยะเสียงฝีเท้าและเสียงปืนได้มากขึ้นด้วย แต่ถ้าเอาไปเล่นเกมอื่นๆ จะไม่ได้ผลแตกต่างจาก 7.1 มากเท่าไหร่นัก

สรุปโดยรวม

ถ้าจะให้บอกข้อเสียก่อน ก็น่าจะเป็นที่ขนาดดีไซน์ที่จะล็อคไว้ จึงไม่เหมาะกับคนที่มีขนาดศีรษะที่ใหญ่ นอกจากนี้เสียงจะไม่เน้นสายหนัก ถ้าให้นึกภาพออกง่ายๆ หูฟังจะให้อารมณ์เหมือนเราต่อลำโพงรอบทิศทางแบบนั่งในห้องตัวเองมากกว่าเป็นลำโพงแบบในโรงหนัง คือสเกลที่ได้อาจจะไมได้ขนาดนั้น

แต่ถ้าคนไหนที่กำลังมองหาหูฟังที่ไม่เน้นไปด้านใดด้านหนึ่งมากเกินไป ฟังเพลงได้เรื่อยๆ ทั้งวัน ต้องการแบบปิดกั้นโลกภายนอกได้ดีขนาดหนึ่ง มีอุปกรณ์ครบครัน และเอามาเล่นเกมได้ทั้งโหมด Shooting และเกมหรือดูหนังทั่วไปก็ยังขับเสียงออกมาได้ดี หูฟังตัวนี้จะคุ้มค่าต่อการใช้งานแน่นอน

XPG Precog Virtual 7.1 นั้นจะมีราคาอยู่ที่ 3,990 บาท หาซื้อได้ใน ADATA Official Shop ที่ SHOPPEE ได้เลยนะครับ – https://shopee.co.th/adataofficial?categoryId=100644&itemId=6532133163

ไม่มีความคิดเห็น